นิสัยผิด ๆ 10 ข้อสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน
1. พึ่งพาพ่อแม่มากไป
ประเทศตะวันตกที่มักจะให้ลูกพึ่งพาตัวเองและทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ในขณะที่เด็กไทยส่วนใหญ่มักจะพึ่งพาพ่อแม่ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่ตอนที่เรียนจบมีงานทำแล้ว คนที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ อาจจะยังไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆด้วยตัวเอง อีกทั้งยังไม่ต้องเสียค่าที่พักเพราะยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อวินัยการบริหารเงินและพฤติกรรมการใช้เงินโดยตรง2. ใช้เงินฟุ่มเฟือย
เพราะ “ความจำเป็น” และ “ความต้องการ” นั้นต่างกัน การใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งที่คุณต้องการ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นนั้น ทำให้เงินของคุณไหลออกจากกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว ผู้ที่บริหารเงินเป็นจะรู้ว่าต้องให้น้ำหนักกับสิ่งที่จำเป็นก่อน และถ้ามีเงินเหลือเพียงพอจึงค่อยใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการเป็นครั้งคราว
3. ไม่มีเงินเก็บ
การไม่มีเงินออมหมายความว่าคุณจะไม่มีเงินทุนสำรองไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือกรณีที่ต้องใช้เงินแบบเร่งด่วน ยิ่งไปกว่านั้น การไม่มีเงินเก็บเหลือในบัญชีเลยในแต่ละเดือน นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงทางการเงินในปัจจุบันของคุณเองแล้ว สิ่งนี้ยังสามารถบ่งบอกได้ว่าชีวิตหลังเกษียณของคุณจะเป็นเช่นไร
ที่มา:
businessinsider.com
yoprowealth.com
bobbyfinance.com
https://blog.jobthai.com
4. ขาดความรู้ทางการเงิน
การไม่มีความรู้ทางการเงินจะทำให้เราไม่สามารถวางแผนทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ ส่งผลให้การบริหารเงินไม่มีประสิทธิภาพ อาจนำไปสู่การไม่มีเงินสำรองในยามเกษียณ และนำมาซึ่งการเป็นหนี้5. ไม่ลงทุนทางการเงิน
การลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะการเล่นหุ้นเท่านั้น การลงทุนที่ว่านี้หมายถึงการทำอะไรก็ตามเพื่อให้เงินที่คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากรายรับประจำอย่างเงินเดือน ซึ่งอาจจะหมายรวมถึงการทำประกันชีวิต การซื้อสลากออมสินพิเศษ การซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือการลงทุนกับเพื่อนของคุณเพื่อทำธุรกิจขนาดย่อม ยิ่งไปกว่านั้นการลงทุนในกองทุนบางประเภทยังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย แต่ถ้าการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องที่คุณถนัดจริงๆ การฝากประจำเพื่อรับดอกเบี้ยจากธนาคารก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มั่นคงและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดในบรรดาการลงทุนทุกรูปแบบ6. ไม่ประเมินศักยภาพของตัวเอง
เพราะเพื่อนคือกลุ่มคนที่มีนิสัยหรือความชอบที่คล้ายคลึงกัน เช่น ไลฟ์สไตล์ การแต่งตัว การเลือกร้านอาหาร นักศึกษารวมไปถึงคนทำงานใหม่ๆหลายคน ติดนิสัยใช้เงินตามเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งถึงแม้ความชอบจะเหมือนกัน แต่สถานะทางการเงินของทุกคนไม่เท่ากัน หากคุณมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเหมือนเพื่อนของคุณที่มีฐานะทางการเงินดีกว่า คุณอาจลงเอยด้วยการใช้จ่ายเงินเกินตัว อาจต้องกู้หนี้ยืมสิน ทำให้ไม่มีเงินเก็บออม7. ไม่ทำประกัน
ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันรถยนต์ ล้วนเป็นการลงทุนกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การไม่ทำประกันอาจจบลงด้วยการเสียเงินเสียทองจำนวนมาก การทำประกันสินค้าต่างๆก็ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้เช่นกัน เช่น ถ้าหากเราซื้อสินค้าที่มีประกัน เมื่อสินค้านั้นเสียหายระหว่างอยู่ในระยะประกัน เราจะไม่ต้องเสียค่าซ่อมสินค้านั้น คุณต้องชั่งใจดูว่า จะยอมเสียเงินล่วงหน้าเพื่อประกันอนาคต หรือจะเสียเงินจำนวนมากในภายหลังเมื่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดตามมา8. ไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
การจดบันทึกข้อมูลการใช้เงินจะทำให้คุณประเมินสถานะทางการเงินของตัวคุณเองได้ คุณจะรู้ว่าแต่ละวัน คุณใช้เงินไปกับอะไรบ้าง สิ่งไหนที่ควรประหยัด และสิ่งไหนที่จำเป็น นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ข้อมูลทางการเงินของคุณในการวางแผนชีวิตเรื่องอื่นๆที่จำเป็น เช่น การซื้อบ้าน หรือรถ ได้อีกด้วย9. ใช้เงินอย่างประมาท
คนรุ่นใหม่บางคนกลับชอบการเล่นหุ้น ในขณะที่คนทำงานหลายคนไม่กล้าลงทุน ที่สำคัญพวกเขากล้าได้กล้าเสียมาก ซึ่งในบางครั้งอาจมากเกินไป แน่นอนว่าการลงทุนเพื่ออนาคตเป็นสิ่งที่ดี แต่บางคนเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่ใจร้อน ไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากเพียงพอ และอยากได้ผลตอบแทนที่รวดเร็วทันใจ ทำให้พวกเขาเลือกลงทุนแต่กับบริษัทใหญ่ๆที่ตนเองสนใจ10. ใช้บัตรเครดิต
การใช้เงินแบบ “รูดก่อนจ่ายทีหลัง” จะทำให้คุณมีพฤติกรรมการใช้เงินที่ส่งผลเสียต่อการบริหารเงินโดยรวม แน่นอนว่าการใช้บัตรเครดิตอาจจะทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายในการซื้อสินค้าและบริการ แต่ยิ่งถ้าคุณจ่ายค่าบัตรเครดิตไม่ตรงเวลา จะทำให้คุณเสียค่าดอกเบี้ยเป็นจำนวนมาก ซ้ำร้ายถ้าคุณเป็นหนี้บัตรเครดิต คุณจะสูญเสียความน่าเชื่อถือและประวัติทางการเงิน ในยามที่คุณต้องขอสินเชื่อที่จำเป็นต่อตัวคุณเองในอนาคตที่มา:
businessinsider.com
yoprowealth.com
bobbyfinance.com
https://blog.jobthai.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น